-
วัดภูถ้ำพระ เป็นวัดหนึ่งที่พระอาจารย์ดี ฉนฺโน ได้สร้างวัดขึ้นเป็นวัดฉลองกึ่งพุทธกาล พ. ศ. ๒๕๐๐ มีพระเณรมาอยู่จำพรรษาหลายรูป ปัจจุบัน วัดภูถ้ำพระ อยู่ในเขตปกครองของหลวงปู่สุนทรศีลขันธ์ หลวงปู่สิงห์ทอง ศิลขันธ์ ให้พระครูจิตตภาวนานุสิฐ ( พระอาจารย์สมหมายจิตต ฺโน ปาโล ทานะสิงห์) เป็นเจ้าอาวาสวัดและท่านพร้อมกับชาวบ้านหลายๆ หมู่เหล่า ได้พัฒนาวัดเจริญขึ้นเป็นลำดับ จนถึงปัจจุบัน
ความเป็นมา
ภูถ้ำพระ ตั้งอยู่บ้านหินโหง่น ตำบลกุดแห่ อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร อยู่ในเขตป่าสงวนเสื่อมโทรม จะมีป่าไผ่ ป่าเพ็ก ขึ้นเป็นจำนวนมาก เป็นสถานที่มหัศจรรย์แปลกตาแปลกใจแก่ผู้พบเห็น ธรรมชาติปรุงแต่งเอง ในบริเวณสถานที่วัด มีถ้ำที่แปลกตาหลายถ้ำ เช่น
-
ถ้ำพระ
-
ถ้ำเกลี้ยง
-
ถ้ำพรมบุตร
-
ถ้ำเค็ง
-
ถ้ำเกีย ( ค้างคาว)
-
ลานงูซวง
-
หน้าผา
-
อ่างเรือ
-
เจดีย์พระอาจารย์ดี ฉนฺโน
ที่ตั้ง
ภูถ้ำพระตั้งอยู่ระหว่างรอยต่อทิศตะวันออก จรดเขตอำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร
ทิศเหนือ จรดเขตอำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร
รูปร่างและขนาด
ลักษณะของภูถ้ำพระ มีลักษณะเป็นภูเขาเตี้ยๆ ไม่สูงนัก ขนาดเนื้อที่ประมาณ 200 ไร่ ในบริเวณภูถ้ำพระยังมีถ้ำเล็กๆ น้อย อยู่มากมาย เช่น ถ้ำเกลี้ยง ถ้ำเค็ง ( ถ้ำจันทร์) เป็นต้น
อาณาเขต
ทิศตะวันออก จรดเขตตำบลนาอุดม อำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร
ทิศเหนือ จรดเขตอำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดหาร
ทิศใต้ จรดทางสาธารณะ
ทิศตะวันตก จรดทางสาธารณะ
ลักษณะภูมิอากาศ
อากาศบนภูถ้ำพระ จะมีอากาศที่เย็น ร่มรื่นสบายทุกฤดูกาล โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวอากาศจะหนาว เย็นมาก และเวลามองทอดลงมาข้างล่างจะเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามมาก
ลักษณะเด่นของถ้ำต่างๆ
๑) ถ้ำพระ
ถ้ำพระเมื่อก่อนผู้คนเดินทางไปกราบหรือว่าพักผ่อนภายในถ้ำ จะพูดจาจะระวังทุกๆ คำพูด พูดคำหยาบคาย พูดตลกคะนอง ด่าฉันเสียดสีเป็นไม่ได้มีอันเป็นไปชั่วกระพริบตา มีครั้งหนึ่งนายท่อนไปเลี้ยงวัวควายตามประสาคนชนบท ไปจับเอากบในถ้ำพระ เพื่อเป็นอาหารกลางวันพอกลับมาถึงบ้านได้ป่วยกะทันหันตายในที่สุด ของคืนวันนั้น ต่อมาก็มีอีกคนหนึ่งชื่อเจ๊กใหญ่ มาทำการค้าขายอยู่ที่บ้านกุดแห่ มีโอกาสได้ขึ้นไปบนภูถ้ำพระ แล้วหยิบเอาพระทองคำในถ้ำ ๑ องค์ เพื่อจะไปบูชาเป็นการส่วนตัว พอกลับถึงบ้านแล้วนายส่อง ซึ่งเป็นลูกชายก็ล้มป่วยโดยกระทันหัน ตายในที่สุดของวันนั้น พ่อก็ได้ทำการฌาปนกิจศพตามประเพณี ผู้เป็นพ่อก็จึงนำพระพุทธรูปองค์นั้นไปส่งยังถ้ำเหมือนเดิม จากนั้นผู้คนต่างๆ ที่หยิบเอาพระพุทธรูปจากถ้ำพระก็มีความกลัวตาย จึงนำไปส่งทุกๆ คนสมัยนั้น ต่อมาอีกก็มีนายกว้าง บัวศรี ได้กระทำล้อเลียนเหมือนคนโฆษกขายยาเอาใบไม้มาทำเป็นไมค์ลำโพง แล้วก็พูดให้เพื่อนฟังว่าเราเป็นโฆษกขายยานะทุกๆ คน ให้มาซื้อที่เราได้ราคาเป็นกันเองนะ พอกลับถึงบ้านก่อนเข้านอน ปากรู้สึกคันๆ พอเอามือมาจับดูปากก็บิดทันทีไม่สมารถจะกลับคืนได้ พอวันรุ่งขึ้นพ่อแม่พี่น้องก็ได้นำนายกว้าง ไปขอขะมาลาโทษที่ล่วงเกิน ปากที่บิดก็กลับคืนเหมือนเดิม ความอัศจรรย์ความศักดิ์สิทธิ์ของภูถ้ำพระสมัยก่อนเป็นความจริงทุกประการ เล่าต่อกันว่าพ่อผู้ใหญ่บ้านชัยเสน ได้พาพรานไปล่าสัตว์บนภูเพ็กแห่งนี้ มีพรานแก้วดวงดี พรานหอมสมบัติ พรานไชยราช และพรานพรมบุตร พร้อมกับพักพวกอีกจำนวนหนึ่งได้ไปล่าสัตว์บนภูแห่งนี้ และได้ไปพบเห็นพระพุทธรูป ในถ้ำจำนวนมากมาย อาทิเช่น พระแก้ว พระงา พระทองแดง พระทองคำ พระไม้จันทร์ พระไม้อื่นๆ รวมทั้งเหล็กไหล ซึ่งนายพรานทั้งหมดขึ้นไปล่าสัตว์จะบอกเล่าว่าในถ้ำพระ จะมีผีมเหศักดิ์ และงูเหลือมยักษ์ เป็นผู้รักษาถ้ำแห่งนี้ ถ้ามีคนขึ้นไปบริเวณภ้ำพระและทำมิดีมิร้ายจะเกิดอาการเจ็บป่วยหรือตายไปก็มี ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ซึ่งนายพรานบอกเล่าว่าเป็นภูเขาที่มีอาถรรพ์และเป็นสิ่งที่ศักด์สิทธ์มาก
ปัจจุบันนี้ป่าเพ็กยังพบเห็นอยู่แต่ไม่มากนัก ส่วนพระพุทธรูปจะมีพระพุทธรูปไม้ แต่ยังไม่ทราบว่าจะเป็นพระพุทธรูปสมัยไหน ส่วนเหล็กไหลตามคำบอกเล่าของพระอาจารย์สมหมายฯ เจ้าอาวาสวัด ท่านบอกว่ายังมีอยู่ในบริเวณภูถ้ำพระแห่งนี้ ซึ่งพระอาจารย์บอกว่าได้สร้างพระนอนและพระสังกัจจาย ทับบริเวณนั้นไว้ ส่วนพระงานั้นชาวบ้านได้ถือครอบครอง ต่อมาพระอาจารย์สมหมายฯ ลูกศิษย์อาจารย์ดี ฉนฺโน ผู้ซึ่งได้มาปฏิบัติธรรมบริเวณภูถ้ำพระเป็นคนแรกได้พาญาติโยมมาตั้งวัดภูถ้ำพระขึ้นบริเวณทางทิศเหนือของหมู่บ้าน ชาวบ้านจึงเรียกภูถ้ำพระ ซึ่งก่อนนั้นจะเรียกว่า “ ภูเพ็ก” โดยพระอาจารย์ดี ฉนฺโน พระลูกศิษย์อาจารย์ฝั่น ได้มาปฏิบัติธรรมและเดินธุดงค์บริเวณภูเพ็กแห่งนี้ จนกระทั่งพระอาจารย์ดี ฉนฺโน ได้มรณะภาพ เมื่อปี พ . ศ. ๒๕๐๒ พระอาจารย์สมหมายฯ และหลวงปู่สิงห์ทองฯ ได้สร้างเจดีย์พระอาจารย์ดี ฉนฺโน ขึ้นในปี พ . ศ. ๒๕๒๗ เพื่อเป็นที่สักการะ แต่เมื่อปี พ. ศ. ๒๕๔๐ ได้เกิดฟ้าผ่าเจดีย์พระอาจารย์ดี ฉนฺโน ซึ่งปัจจุบันนี้ยังไม่ได้บูรณะเจดีย์ เนื่องจากอาจารย์หงษ์ทอง ธนะกัญญา ผู้ที่จะบูรณะเจดีย์พระอาจารย์ดีฯ เกิดล้มป่วย อย่างหนักจนทุกวันนี้ไม่กล้าที่จะขึ้นไปบูรณะเจดีย์ บนภูแห่งนี้ เมื่อได้มีการค้นพบเป็นแหล่งท่องเที่ยว ภูถ้ำพระแห่งนี้มีจุดประทับใจและเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์และสำคัญมากมายในบริเวณภูเขาแห่งนี้
-
๒ ) ถ้ำเกลี้ยง
ถ้ำเกลี้ยงเป็นถ้ำที่มีลักษณะที่คล้ายกับมีคนเอาอะไรไปขัดสีทุกๆ วันทำนองนั้น สีสันเป็นแววตาหาดูได้ยาก จากตำนานบอกเล่าของนายพรานที่ไปล่าสัตว์ว่า “ มีพระแก้วลงมายอกล้อเล่นกันบริเวณถ้ำนี้ทุกวันพระในเวลากลางคืนจะมีรูปร่างเท่าส้มโอจะมาเล่นกันในบริเวณนี้คืนละประมาณ ๒ - ๓ ลูก บุคคลที่เห็นพระแก้วเป็นหมอธรรมในหมู่บ้าและเป็นผู้มีที่นาติดกับภูถ้ำพระแห่งนี้ คือ นายบุญยู้ สารสุข ถ้ำนี้จะมีลักษณะเป็นสีเขียวเหมือนปีกแมลงภู่ทั้งข้างบนและข้างล่าง และมีลักษณะแปลกมากคือหินจะทับกันเป็นชั้นๆ ชั้นบนสุดจะเป็นช่องกระจกตรงกลาง คนสามารถผ่านไปมาได้ จึงมีตำนานเล่าว่าพระแก้วมาประทับเล่นในบริเวณชั้นบนสุดของหิน จับบริเวณตรงช่องกระจกและบริเวณถ้ำจะเรียบเนียนเป็นสิ่งมหัศจรรย์ถ้าได้ไปสัมผัสบนถ้ำเกลี้ยงแห่งนี้
-
๓ ) ถ้ำพรมบุตร
จะอยู่ทางทิศตะวันตกของภูถ้ำพระ เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๖๕ มีนายพรานพรมบุตรไปล่าสัตว์คนเดียวและยิงเก้งได้ตัวหนึ่ง และนำเนื้อเก้งไปย่างในบริเวณถ้ำลักษณะของถ้ำจะเป็นเพิงหิน สามารถหลบฝนได้ เมื่อย่างเก้งเสร็จแล้วลงจากถ้ำและได้พบพรานไชยราช จารย์นาค ( ชัยเสน) จารย์บุญ วรโยธา พรานพรมบุตรได้แบ่งเนื้อเก้งให้ ในวันต่อมานายพรานพรมบุตร ได้ขึ้นไปบนถ้ำแห่งนี้อีกครั้งไปล่าสัตว์เกิดป่วยอย่างหนักบริเวณถ้ำและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ในแต่ละครั้งนายพรานพรมบุตรขึ้นมาบนภูแห่งนี้จะมาพักที่ถ้ำแห่งนี้ตลอดเวลาชาวบ้านจึงเรียกถ้ำนี้ว่า “ ถ้ำพรมบุตร” ตามชื่อพรานล่าสัตว์จนกระทั้งปัจจุบัน
-
๔) ถ้ำเค็ง( ถ้ำจันทร์)
จะอยู่ทางตะวันออกของหน้าผาลักษณะถ้ำเป็นเพิงหิน พื้นเรียบกว้าง ๔ เมตร ยาว ๓๐ เมตร แต่โบราณเล่าว่ามีรอยพระฤาษีหรือพระกรรมฐานธุดงค์มาอาศัยปฏิบัติธรรม เพราะมีร่องรอยการต้มน้ำ
ร้อนเพื่อฉันท์ บริเวณถ้ำสามารถ จุคนได้ ๒๐๐ คน โดยไม่เปียกฝน เมื่อ ๕๐ ปีก่อนยังค้นพบกระดูกเต็มไปหมดในถ้ำนี้ เหตุที่เรียกถ้ำนี้ว่า “ ถ้ำเค็ง” เพราะ เนื่องจากมีต้นเค็งใหญ่อยู่ด้านข้างของถ้ำ
๕ ) ถ้ำเกีย ( ถ้ำค้างคาว)
ถ้ำนี้จะมีค้างคาวอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ถ้ำเกีย มีลักษณะเป็นภูหินโดยจะติดกันถึง ๓ ลูก ซึ่งกว้าง ๓ เมตร ยาวประมาณ ๘ เมตร ความลึกประมาณการไม่ได้ เวลามองลงไปด้านล่าง ( ก้นถ้ำ) ยิ่งลึกยิ่งแคบลงมาก นายพรานเล่าว่า ครั้งหนึ่งเคยเอาแห มาดักค้างคาวบริเวณปากถ้ำ และจะไล่ค้างคาวออกจากถ้ำเพื่อให้มาติดร่างแห แต่ละคืนจะได้ค้างคาวคืนละ ๑๐๐ – ๒๐๐ ตัว เวลากลางคืนจะได้ยินเสียงค้างคาวร้องเหมือนเสียงไก่ นายพรานว่าเป็นเสียงผีค้างคาว ที่หวงลูกไก่ ( ลูกค้างคาว) มันไม่ต้องการให้ใครเข้าไปขโมยลูกมันออกมา ถ้าไปดักอีกมันจะฆ่าให้ตาย คนจึงกลัวและไม่กล้าที่จะขึ้นไปดักค้างคาวบนถ้ำอีก ปัจจุบันนี้ นอกพรรษา ค้างคาวนับหมื่นตัว จะมาอยู่ที่สวนตาลเดี่ยว ของมหาเมฆ มุกธวัตร , หลวงปู่สิงห์ทอง ปภากโร ก็ขอแผ่ไม่ให้คนจับ พอช่วงเข้าพรรษา ค้างคาวเหล่านี้ ก็จะกลับคืนถ้ำเดิม
๖ ) ถ้ำรอด
ถ้ำรอดจะมีลักษณะเป็นถ้ำหินใหญ่, สูง ที่แยกออกจากกันเป็น ๒ ลูก มีทางเดินอยู่ระหว่างก้อนหินทั้ง ๒ ลูก ทำให้เดินไปมาสะดวก จึงเรียกถ้ำนี้ว่า “ ถ้ำรอด”
๗ ) หน้าผา
หน้าผาจะอยู่ทางทิศตะวันออกของถ้ำพรมบุตร โดยหน้าผาจะหันหน้าไปยังทางทิศใต้ หน้าผาสูงประมาณ ๕ เมตร คนส่วนใหญ่ไม่นิยมขึ้น – ลง เนื่องจากหน้าผาเป็นแผ่นหินเรียบๆ ไม่มีจุดสนใจที่เด่นชัด เว้นเสียแต่พวกที่ชอบผจญภัย
-
๘ ) ลานงูชวง
มีความยาวประมาณ ๕๐ วา ขนาดเท่าโคนขา รูปร่างเป็นไปตามธรรมชาติของงู แต่ปัจจุบันจะมีขนาดเท่าหัวแม่มือ ซึ่งจะสึกกร่อนตามกาลเวลา โดยหางงูจะตวัดไปทางถ้ำเกลี้ยง ส่วนหัวงูจะชูขึ้นไปทางถ้ำเค็ง จากคำบอกเล่าของอาจารย์หงษ์ วรโยธา อดีตอาจารย์ใหญ่โรงเรียนบ้านกุดแห่ บอกว่ามหาเมฆ มุกธวัตร ผู้พบเห็นเหตุการณ์เล่าให้ฟังว่า นายไหวได้ใช้ไม้เคาะบริเวณหัวงู ในเวลาต่อมานายไหว จะปวดตาอย่างมาก โดยกล่าวว่าอาจเป็นอาถรรพ์ของถ้ำแห่งนี้ และเป็นสิ่งมหัศจรรย์ อย่างยิ่ง
-
๙ ) เจดีย์พระอรหันต์
ลักษณะเจดีย์จะเป็นหินวางซ้อนกัน เป็นชั้นๆ จากคำบอกเล่า เดิมทีมีพระอรหันต์มาปฏิบัติธรรมบนเจดีย์ และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงเรียกเจดีย์นี้ว่า “ เจดีย์พระอรหันต์”
๑๐ ) อ่างเรือ
อ่างเรือ จะอยู่ทิศเหนือของถ้ำเกลี้ยง และจะติดกับถนนลูกรัง บริเวณที่จะขึ้นบนภูถ้ำพระเป็นอ่างหิน อ่างเรือเกิดขึ้นตามธรรมชาติของหิน เป็นหินรูปร่างคล้ายเรือแจว จึงให้ชื่อว่า “ อ่างเรือ” นับตั้งแต่นั้นมา
๑๑ ) บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์( สระน้ำ)
บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ จะอยู่ตรงกลางของภูถ้ำพระมีความลึกประมาณ ๓ เมตร เกิดขึ้นเองตามธรรม- ชาติ ลักษณะพิเศษของบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ คือ น้ำจะมีตลอดทั้งปี ใสสะอาดอย่างมาก
๑๒ ) รอยพระบาทจำลอง
จากการบอกเล่าว่า กล่าวว่า พระอาจารย์ดี ฉนฺโน ได้นิมิตเห็น ( เกิดจากการนั่งสมาธิ) ว่า บริเวณตรงนี้เป็นรอยพระบาทของพระพุทธเจ้า พระอาจารย์ดี ฉนฺโน จึงได้สร้างรอยพระบาทจำลองขึ้น ขึ้นทางด้านล่างของบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเป็นที่สักการะของปวงชนที่ขึ้นมาบริเวณภูถ้ำพระจนถึงปัจจุบันนี้ โดยการนำของพระมหาสีทันดร
๑๓) พระธาตุอาจารย์ดี
เมื่อครั้งที่พระอาจารย์ดี ฉนฺโน ได้มรณะภาพลง หลวงปู่สิงห์ทอง ปภากโร พร้อมด้วยพระอาจารย์สมหมาย เจ้าอาวาสวัดภูถ้ำพระ ก็ได้สร้างพระธาตุเจดีย์ หลวงพ่อหงส์ทอง สหะธรรมโม หลานอาจารย์ดีฯ ได้นำอัฐิของอาจารย์ดีฯ มาไว้ในธาตุเจดีย์และเป็นผู้สละทรัพย์ สร้างจนเสร็จสิ้น เพื่อเป็นที่สักการะของชาวบ้านที่ขึ้นไปบนภูถ้ำพระ โดยพระธาตุฯ จะอยู่เหนือบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ทางด้านซ้ายมือของภูถ้าพระ พระธาตุนี้จะศักดิ์สิทธิ์มาก เนื่องจากผู้ที่ต้องการจะบูรณะใหม่ จะทำการบูรณะ ปรากฎว่ามีเหตุการฟ้าผ่าลงมายังพระธาตุ นั้น จึงเป็นเหตุไม่สามารถที่จะบูรณะพระธาตุนั้นได้ จนถึงปัจจุบัน |